นำเสนองาน เรือง การมองเห็นผ่านวัตถุโปร่งแสง โปร่งใส ทึบแสง |
1. วัตถุโปรงใส
( Transparent Object ) เป็นวัตถุที่แสงผ่านไปได้เกือบหมดอย่างเป็นระเบียบเราจึงมองผ่านวัตถุนี้ได้อย่างชัดเจน
เช่น น้ำใส แก้วใส เป็นต้น
2. วัตถุโปร่งแสง
( Translucent Object ) เป็นวัตถุที่แสงผ่านไปได้บ้าง
แต่ไม่เป็นระเบียบเราจึงมองผ่านวัตถุนี้ได้ไม่ชัด เช่น น้ำขุ่น กระจกฝ้า เป็นต้น
3.
วัตถุทึบแสง ( Opaque Object ) เป็นวัตถุที่แสงผ่านไปไม่ได้เลย
แสงทั้งหมดจะถูกดูดกลืนไว้หรือสะท้อนกลับ เราจึงไม่สามารถมองผ่านวัตถุชนิดนี้ได้
เช่น กระจกเงา ผนังตึก เป็นต้น
แสงและการมองเห็น
การที่เรามองเห็นวัตถุต่างๆ ได้
เพราะมีแสงจากวัตถุเข้าตา
ซึ่งแสงนั้นอาจจะเกิดจากวัตถุเองหรือแสงนั้นอาจเกิดจากการสะท้อนและหักเห
สำหรับการสะท้อนของแสงจะเป็นไปตามกฎการสะท้อน คือ มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน
เมื่อรังสีสะท้อนตัดกันจะเกิดภาพ โดยถ้ารังสีสะท้อนตัดกันจริงภาพที่เกิดจะเป็นภาพจริง
แต่ถ้าต่อรังสีสะท้อนไปตัดกันจะเกิดภาพเสมือนขนาดเท่าวัตถุ ภาพที่เกิดจากกระจกนูน
ก็เป็นภาพเสมือนเช่นกัน แต่มีขนาดเล็กกว่าวัตถุ
ส่วนภาพที่เกิดจากกระจกเว้าเป็นได้ทั้งภาพจริงและภาพเสมือน
แสงผ่านตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่งจะเกิดการหักเห
สำหรับแสงขาวเมื่อผ่านจากอากาศเข้าไปในปริซึมจะมีการกระจายแสงออกเป็นสีต่างๆ
แสดงว่าในแสงขาวประกอบไปด้วยสงสีต่างๆ รวมกัน ซึ่งแต่ละสีมีการหักเหไม่เท่ากัน
การเกิดภาพนอกจากจะเกิดเมื่อรังสีสะท้อนตัดกันแล้ว
ยังเกิดจากรังสีหักเหตัดกันได้ด้วย โดยถ้ารังสีหักเหตัดกันจริงก็จะเกิดภาพจริง
แต่ถ้าต่อแนวรังสีไปตัดกันจะเกิดภาพเสมือน ภาพจากเลนส์เว้าเป็นภาพเสมือน
ส่วนภาพจากเลนส์นูนเป็นได้ทั้งภาพเสมือนและภาพจริง ในการหักเหของแสงบางครั้ง
เมื่อแสงตกกระทบผิวรอยต่อระหว่างตัวกลางทั้งสอง
โดยมุมตกกระทบโตกว่ามุมวิกฤตจะเกิดการสะท้อนแสงกลับหมดของแสง
จากหลักหารสะท้อนและหักเหของแสง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทัศนูปกรณ์ได้มากมาย
การที่คนจะมองเห็นวัตถุได้ต้องมีรังสีของแสงเข้าสู่ตาแล้วไปปรากฏภาพบนเรตินาซึ่งทำหน้าที่เป็นฉากรับภาพ
โดยความสว่างของแสงที่ตกกระทบต้องเหมาะสม
ธรรมชาติของแสง
แสง(light) เป็นพลังงานรูปหนึ่งที่ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ
รอบตัวแหล่งกำเนิดแสงมีทั้งที่มนุษย์สร้างขึ้นและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
แสงทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น แสงจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดรุ้ง
พระอาทิตย์ทรงกลด เป็นต้น
แสงเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดไปยังที่ต่างๆ
โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางและสามารถเดินทางผ่านสุญญากาศได้ด้วยอัตราเร็วประมาณ 3 × 108 เมตรต่อวินาที
ลักษณะการเคลื่อนที่ของแสงในตัวกลางชนิดเดียวกันจะเป็นเส้นตรงและมีการเปลี่ยนทิศทางไปเมื่อเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่ต่างกัน
เนื่องจากแสงเดินทางเป็นเส้นตรงจึงสามารถเขียนเส้นตรงแทนแนวการเคลื่อนที่ของแสงได้
เรียกเส้นตรงนี้ว่า “รังสีของแสง”
1.การสะท้อนแสง คือ
การที่เมื่อแสงตกกระทบวัตถุ แสงบางส่วนจะสะท้อนจากวัตถุ
ถ้าแสงสะท้อนจากวัตถุเข้าสู่นัยน์ตาจะเกิดการมองเห็นและรับรู้เกี่ยวกับวัตถุนั้นได้
จากภาพอธิบายได้ว่า
เมื่อแสงตกกระทบวัตถุทึบแสงผิวเรียบสามารถใช้เส้นตรงและหัวลูกศรแสดงทิศทางของรังสีตกกระทบและรังสีสะท้อน
เมื่อลากเส้นทางเดินของแสงเมื่อตกกระทบวัตถุจะเกิดมุม 2 มุม
โดยเรียกมุมที่อยู่ระหว่างรังสีตกกระทบกับเส้นปกติว่า “มุมตกกระทบ
(θ1)” และเรียกมุมที่อยู่ระหว่างรังสีสะท้อนกับเส้นปกติว่า “มุมสะท้อน (θ2)” ซึ่งการสะท้อนแสงบนผิววัตถุอธิบายได้ด้วย
กฎการสะท้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น